การออกแบบเพื่อสั่งงานผลิตแม่พิมพ์
กระบวนการออกแบบเพื่อสั่งงานผลิต
มีขั้นตอนเหมือนการออกแบบโดยทั่วไปแต่ต้องคำนึงถึงการผลิตและผู้ที่ต้องนำข้อมูลไปผลิตอย่างถูกต้องด้วยซึ่งเขียนเป็นแผนผังได้ดังรูป

รูปที่ 3.3 แผนผังตัวอย่าง การออกแบบแม่พิมพ์เพื่อการผลิต
จากรูปจะเห็นได้ว่าการออกแบบจะต้องศึกษาข้อมูลชิ้นงาน
และเคล็ดลับการขึ้นรูปให้ดีก่อนแล้วจึงมาออกแบบขั้นตอน ต่าง ๆ
แล้วจึงนำข้อมูลไปสูกระบวนการ CAM เพื่อผลิตแม่พิมพ์ซึ่งมีหลักการและขั้นตอนดังต่อไปนี้
(1). Part
Shape Examination หรือขั้นตอนการตรวจสอบรูปร่างชิ้นงานตัวอย่าง
การรับงานหรือรับ Drawing และข้อมูลและรูปร่างชิ้นงานว่ามีข้อมูลเพียงพอหรือไม่เช่น
1.
Part Drawing (2D) ,CAD Data (3D) ซึ่ง ต้องบอก
o
Car
line บอกว่าชิ้นส่วนนี้อยู่ตำแหน่งไหนของตัวเรา เช่น B,H
o
รู จะต้องบอก Tolerance
o
Note
จะต้องบอก Mat และ Part No., Part Dwg.
No. ซึ่งต้อง Run ตามลูกค้า
o
ความหนาของชิ้นงาน เพื่ออ้างอิงที่ CAD 3D
ซึ่งจะบอกเฉพาะผิวด้านเดียว และความหนา ณ จุดต่าง ๆ
จะยอมรับได้ที่เท่าไร
o
ตรวจสอบ
CAD Data กับ Part Dwg ว่ารูปร่างและตำแหน่งของชิ้นงานตรงกันหรือไม่
2.
Process
Sheet ส่วนมากมาจากบริษัทแม่ เพราะ
ลูกค้าจะกำหนดมาเพราะเกี่ยวกับราคาและขั้นตอนการผลิต
3.
Sample
part เพื่อให้ง่ายและมั่นใจว่าลูกค้าเคยวาง Process และใช้ได้มาแล้ว
4.
Sample
Drawing ซึ่งบางทีลูกค้าต้องนำมาให้หรืออาจต้องขอซื้อจากลูกค้า
5.
Data
Check Sheet ที่แผนก QC
ต้องใช้ และกำหนดจุดและค่ายอมรับร่วมกันStandard Data ของแบบงานและค่าคุณสมบัติต่าง
ๆ เช่น % clearer มุม Spring back
6.
Press
Spec Machine เป็นค่าที่ใช้ออกแบบเพื่อการทำงานกับเครื่องจักร เช่น
ร่อง slot ขนาด จับยึด , ตำแหน่ง Cushion
7.
อื่น ๆ เช่น
Master Schedule เพื่อกำหนดว่าจะส่งแม่พิมพ์ได้เมื่อไหร่
(2).
Contract Review หรือ ขั้นตอนทำรายละเอียดและข้อตกลงกับลูกค้า
ก่อนที่จะออกแบบแม่พิมพ์ต้องตกลงกับลูกค้าก่อนว่าจะให้แม่พิมพ์มีองค์ประกอบและการใช้งานอย่างไร
ซึ่งมีข้อตกลงที่ลูกค้าต้องกำหนดมาดังนี้
1. กำหนด Specification ประกอบด้วย
o
Process กี่ขั้นตอนยิ่งน้อยยิ่งดีแต่ต้องดูที่ขนาดและแรงเครื่องด้วย
o
เครื่อง Press กี่ตัน
o
ต้องการให้ใช้ Guide กี่ชุด
o
ปลดงานอย่างไร ใช้การตัดหรือมีชุดยกออก
o
ใช้วัสดุอะไรหรือต้องการแข็งแรงมากแค่ใหน
o
ประกอบอย่างไร
2. กำหนด CF ( Checking
Fixture )
o
กำหนดรายละเอียดใน Drawing ว่าจะตรวจอย่างไร
o
กำหนดตำแหน่งตรวจ เช่น เป็นรู ค่าที่ใช้
ของ Spent

o
กำหนดวิธีการตรวจสอบ เช่น ใช้เวอร์เนีย ,
ไมโคร
o
ระยะผิวแก็บใช้ค่าเท่าไหร่
o
ผิวหน้างานระดับความละเอียดขนาดใหน
o
ความเที่ยงตรงกำหนดเป็นจุด เช่น จุด 14 – 22
ยอมให้
ได้เท่าไร และจุดต่อไปยอมได้เท่าไหร่ เพื่อให้ CAD / CAM แก้ DATA เช่น
ค่ากลาง 3
หรือบอกทิศทางประกอบไปทิศทางใด


3. กำหนด Process Sheet เพื่อ
o
ตกลงว่ามีงานกี่ขั้นตอน
o
ใช้เครื่องขนาดเท่าไหร่
o
ใช้วัสดุ
อะไร ขนาดใหน และน้ำหนักเท่าใด เป็นต้น
4.
กำหนด Die Layout โดย
o
วาง Die Concept
o
คุยกับลูกค้า ถึงปัญหาเพื่อให้ยอมรับ
o
ทำ Die
Layout ตาม Process Sheet
o
ทำ Die Design ตาม Die
Layout
(3).
Part Drawing Adjustments
หรือ การนำเข้าและแต่งผิวงาน
1.
การเตรียมชิ้นงาน
o
นำเข้าแบบงานที่เป็น CAD
Data โดยทำ
Copy file
o
ทำการ
Copy file ชิ้นงานที่แล้วตั้งชื่อไฟล์ใหม่ โดยใช้ชื่อของ หมายเลขตามบริษัทกำหนด แล้วตามด้วยชื่อชิ้นส่วนของ DIE
เช่น 43001 LWR
2.
สร้างจุดอ้างอิง
o
ในกรณีที่แม่พิมพ์ 1
ตัว ต่อชิ้นงาน 1 ชิ้น ให้สร้างจุดอ้างอิง (Center)
ของชิ้นงานใหม่ตาม Die layout
Dwg โดยไม่มีการย้ายรูปชิ้นงาน
o
ในกรณีที่แม่พิมพ์ 1
ตัว ต่อชิ้นงาน ซ้าย-ขวา
2 ชิ้น ที่รูปร่างไม่เหมือนกัน ให้ปฏิบัติดังนี้
A. ใช้ชิ้นงานด้านขวา (RH) เป็นหลัก
แล้วสร้างจุดอ้างอิง (Center)
B. สร้างชิ้นงานใหม่ ตาม Die
layout Dwg โดยไม่ย้ายรูปชิ้นงาน
o
การวางตำแหน่ง โดยใช้คำสั่ง “Plate”
ดึง Data ของชิ้นงานด้านซ้าย (LH) เข้ามาอยู่ในด้านขวา ปฏิบัติดังนี้
A. ชิ้นงานด้านขวา (RH) ที่สร้างจุดอ้างอิง (Center) แล้วจัดวางตำแหน่ง
B.
ชิ้นงานด้านซ้าย (LH) ให้ตรงกับ Die
lay out Dwg.
3.
ปรับแต่งผิว
Surface ทำการปรับแต่งผิว Surface ให้ได้ตาม Data
Check Sheet, Die Lay
Out Dwg. และ Die
design Dwg.
(4). Upper
and Lower Offset
หรือการปรับ ลดระดับพื้นผิว
การหาขนาด
Upper และ Lower จาก Modeling โดยการ เปลี่ยน ขนาดจาก Part
Modeling เป็น Upper หรือ Lower
(5). Die
Drawing หรือเขียนแบบชิ้นงาน
การทำ Die
Drawing
มีขั้นตอนดังนี้
1.
เขียนแบบ
ภาพประกอบ แม่พิมพ์ ตาม Die Layout
ดังตัวอย่างภาคผนวก ง
2.
กำหนดรายละเอียดประกอบเพื่อการผลิต เช่น
ตำแหน่งการประกอบ พิกัดความเผื่อ ผิวงาน วัสดุ
การอบชุบ หรือ ขนาดต่าง ๆ
3.
ทำตารางกำหนด
มาตรฐาน ชื่อบริษัท ผู้ออกแบบ
ผู้ตรวจสอบ มาตราส่วน หมายเลขแบบ
สัญลักษณ์การจับยึด ฯลฯ
4.
เขียนภาพแยกชิ้น ชิ้นส่วน ที่ต้องผลิต และต้องสั่งซื้อ หรือขนาดวัสดุ
5.
บันทึก และจัดเก็บ Part Dwg. Record โดยการกำหนดหมายเลขและลำดับแก้ไข
o
เพื่อเป็นภาพกำหนดมาตรฐาน
หมายเลขแบบและขั้นตอนภาพทำงานเพื่อให้การสื่อสาร เข้าใจตรงกันมากยิ่งขึ้น
6. การวางแกน ตำแหน่งและชิ้นส่วนต่าง ๆ เช่น
o LWR,
B/H, UPR, PAD, LIFTER, SCRAP CUTTER ให้วางแกน X,Y ตามแบบ
o CAM
SET ให้วางโดยให้ด้านล่างของ CAM SET เป็น Y ลบ
7. การตั้งชื่อ
USC
USC
ต่าง ๆ
ที่สร้างขึ้นเอง
ให้ใช้หลักการตั้งชื่อดังนี้
o
การตั้งชื่อของชิ้นส่วน เช่น LOWER UPPER
PAD LOWER CAM -A
o
การกำหนดตัวอักษรเช่นใช้อักษรตัว พิมพ์ใหญ่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น