วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การสร้างผิว Punch และ Die จาก CAD Data

การสร้างผิว Punch  และ Die  จาก  CAD Data
                                                               
                     วิธีสร้างพื้นผิว  Punch  และ  Die   ผู้เขียนแบบต้องเข้าใจหลักการของการกำหนดสัญลักษณ์ระบบต่างๆในแบบงานเพื่อจะได้เข้าใจว่าจะต้องผิวชิ้นงานเท่ากับขนาด  Punch  หรือ  ขนาด  Die   ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
(1)   สร้างชิ้นงานจาก  CAD  Data  หรือ  จาก  Part  Drawing  ให้อยู่ในรูป  พื้นผิว  Surface   ด้วยคำสั่งต่าง  ๆเช่น Surface  หรือ  Wire Flame  เพื่อให้การสร้างแบบงานงานในกรณีที่ไม่มี  CAD  Data  เท่านั้น  โดยสร้างจาก    Part  Drawing   เช่นการ สร้าง  Wire  Flame ตามขนาดที่  Part  drawing  ด้วยคำสั่งพื้นฐาน 
(2)  ดัดแปลงหรือแก้ไขแบบงานเพื่อเตรียมทำผิว  Punch   และ  Die มีหลักการดังนี้
2.1      แก้ไขแบบงานให้ถูกต้องตาม  Part  Drawing
2.2      ปรับแก้แบบงานให้ได้ตามที่เผื่อค่า เช่น  ค่า Spring back ซึ่งอาจหาได้จากหลายวิธี   คือ
                                      กรณีที่ไม่มี  CAE  (Computer  Aids  Engineering)   ช่วยในการจำลองการขึ้นรูปต้องอาศัยความชำนาญ  และการคำนวณจาก  ข้อมูล  ค่าต่าง ๆของวัสดุ เพื่อหาเปอร์เซ็นต์การเด้งกลับแล้วลดมุม หรือขนาดตามที่เผื่อแล้ว     ซึ่งในงาน  กดลากขึ้นรูป  Drawing  อาจะไม่มีการเด้งกลับมากนัก เพราะเนื้อโลหะจะโดนลาดตัวจนแข็งและคงรูปหรือมีการเด้งกลับเล็กน้อย   แต่ ในงาน  ปั้มอัด  Forming  จะมีอัตราการเด้งตัวกลับสูงมากกว่า จึงต้องมีการเผื่อค่ามากขึ้นตามคุณสมบัติ โลหะแต่ละชนิดที่นำมาทำชิ้นงาน   หรือถ้าไม่มั่นใจหรือไม่มี  Data  ที่แน่นอนอาจจะต้องทำแม่พิมพ์ แม่พิมพ์ชั่วคราว  (Soft  Die)  ก่อนเพื่อลดความสูญเสียในการทำแม่พิมพ์จริง
 กรณีที่มี   CAE  สามารถใช้จำลองหรือพยากรณ์การขึ้นรูปในคอมพิวเตอร์เพื่อหามุมเด้งกลับและ  ผิวแบบงานที่เผื่อแล้วโดยไม่ต้องคำนวณทำให้สะดวกและมั่นใจกว่า
2.3                  ขยายหรือต่อส่วนปีกออกทุกทิศทางในแนวระนาบตามเส้นผิวชิ้นงาน  ตามที่เผื่อ (Binder)  หรือเผื่อสำหรับงาน  Bead   และการจับยึดตามขนาดPunch  หรือ  Die   ที่ออกแบบไว้หรือเป็นหน้าแม่พิมพ์  Die  Face  ดังรูป
รูปที่  2.5   การขยายส่วนปีกเพื่อทำหน้าพิมพ์  Die  Face
  (3)  สังเกตสัญลักษณ์   เส้น ศูนย์   เพื่อให้รู้ว่าเวลานำ   แบบงานไปทำโปรแกรมต้อง  ขยับหรือ  Offset  ค่าตำแหน่งเครื่องมือตัดให้กินลึกไปในทิศทางใด  และด้านใดต้องมีขนาดคงที่ ดังรูป
รูปที่  2.6   ตัวอย่างสัญลักษณ์  เส้นศูนย์ชิ้นงาน 
                      จากรูปจะเห็นได้ว่า  ผู้ออกแบบยึดขนาด  Punch  เป็นหลัก  คือขนาดชิ้นงานจะเท่ากับขนาด  Punch  และต้องลดขนาด  Die  ลงตามความหนาของชิ้นงาน 

(4)   หลักการ Offset ขนาดชิ้นขนาดให้เป็นขนาด  Punch   หรือ  Die  ตามเส้นศูนย์ กำหนด ว่าให้พั้นหรือ  ดาย  คงที่  ถ้าให้พั้นคงที่ก็ลดขนาดที่  ดาย   หรือถ้าดายคงที่ก็ต้องลดขนาด  พั้น  ตามความหนาชิ้นงานเปลี่ยน ขนาดจาก  เป็น  Upper หรือ Lower  ซึ่งหลัการที่สำคัญควรคำนึงถึงคือ
4.1   ผู้ออกแบบต้องเข้าใจ  ข้อแตกต่างและความหมายของ    Punch หมายถึงแม่พิมพ์ตัวผู้ และ  Die  หมายถึงแม่พิมพ์ตัวเมีย  จะใกล้เคียงกับ Upper  Punch หมายถึงแม่พิมพ์ตัวผู้ที่อยู่ด้านบน   กับ Upper  Die  หมายถึงแม่พิมพ์ตัวเมียที่อยู่ด้านบนกรณีทำแม่พิมพ์พลิกกลับด้าน  Invert  Die      และส่วน Lower  Punch  และ  Lower  Die ก็มีความหมายตรงข้ามกัน
4.2   ถ้าเส้นศูนย์ อยู่ที่  Punch  แสดงว่าขนาดชิ้นงานเท่ากับ   Punch   เมื่อทำโปรแกรมจะต้องลบค่าที่  Die  ไม่ว่าจะอยู่บนหรือล่าง   แต่ถ้าเสนกำหนดขนาดในสัญลักษณะเท่ากับเส้น Die แสดงว่าขนาดชิ้นงานเท่ากับ  Die  หรือ  Die  คงที่  และต้องไปลดขนาดที่พั้น  ไม่ว่าจะเป็น  Upper  หรือ  Lower  ก็ตาม ในเวลาทำขนาดผิวหน้าแม่พิมพ์เพื่อนำผิวไปสู่กระบวณการ CAM (Computer  Aids  Manufacturing) อย่างถูกต้องดังรูป

รูปที่  2.7  ตัวอย่างการ  Offset ความหนาจากระดับเส้นศูนย์ชิ้นงาน   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น