การสร้างผิว
Punch และ Die จาก CAD Data
วิธีสร้างพื้นผิว Punch และ Die ผู้เขียนแบบต้องเข้าใจหลักการของการกำหนดสัญลักษณ์ระบบต่างๆในแบบงานเพื่อจะได้เข้าใจว่าจะต้องผิวชิ้นงานเท่ากับขนาด Punch
หรือ ขนาด Die
ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
(1) สร้างชิ้นงานจาก CAD Data
หรือ จาก Part
Drawing ให้อยู่ในรูป พื้นผิว
Surface ด้วยคำสั่งต่าง ๆเช่น Surface หรือ Wire
Flame เพื่อให้การสร้างแบบงานงานในกรณีที่ไม่มี CAD
Data เท่านั้น โดยสร้างจาก
Part Drawing เช่นการ สร้าง Wire
Flame ตามขนาดที่ Part drawing
ด้วยคำสั่งพื้นฐาน
(2) ดัดแปลงหรือแก้ไขแบบงานเพื่อเตรียมทำผิว Punch
และ Die มีหลักการดังนี้
2.1
แก้ไขแบบงานให้ถูกต้องตาม Part
Drawing
2.2
ปรับแก้แบบงานให้ได้ตามที่เผื่อค่า เช่น ค่า Spring back ซึ่งอาจหาได้จากหลายวิธี คือ
กรณีที่ไม่มี CAE (Computer
Aids Engineering) ช่วยในการจำลองการขึ้นรูปต้องอาศัยความชำนาญ และการคำนวณจาก ข้อมูล
ค่าต่าง ๆของวัสดุ เพื่อหาเปอร์เซ็นต์การเด้งกลับแล้วลดมุม หรือขนาดตามที่เผื่อแล้ว ซึ่งในงาน กดลากขึ้นรูป
Drawing อาจะไม่มีการเด้งกลับมากนัก
เพราะเนื้อโลหะจะโดนลาดตัวจนแข็งและคงรูปหรือมีการเด้งกลับเล็กน้อย แต่ ในงาน
ปั้มอัด Forming จะมีอัตราการเด้งตัวกลับสูงมากกว่า
จึงต้องมีการเผื่อค่ามากขึ้นตามคุณสมบัติ โลหะแต่ละชนิดที่นำมาทำชิ้นงาน หรือถ้าไม่มั่นใจหรือไม่มี Data
ที่แน่นอนอาจจะต้องทำแม่พิมพ์ แม่พิมพ์ชั่วคราว (Soft
Die) ก่อนเพื่อลดความสูญเสียในการทำแม่พิมพ์จริง
กรณีที่มี CAE สามารถใช้จำลองหรือพยากรณ์การขึ้นรูปในคอมพิวเตอร์เพื่อหามุมเด้งกลับและ
ผิวแบบงานที่เผื่อแล้วโดยไม่ต้องคำนวณทำให้สะดวกและมั่นใจกว่า
2.3
ขยายหรือต่อส่วนปีกออกทุกทิศทางในแนวระนาบตามเส้นผิวชิ้นงาน ตามที่เผื่อ (Binder) หรือเผื่อสำหรับงาน Bead
และการจับยึดตามขนาดPunch หรือ Die
ที่ออกแบบไว้หรือเป็นหน้าแม่พิมพ์ Die
Face ดังรูป

รูปที่ 2.5 การขยายส่วนปีกเพื่อทำหน้าพิมพ์ Die Face
(3) สังเกตสัญลักษณ์ เส้น ศูนย์ เพื่อให้รู้ว่าเวลานำ แบบงานไปทำโปรแกรมต้อง ขยับหรือ
Offset ค่าตำแหน่งเครื่องมือตัดให้กินลึกไปในทิศทางใด และด้านใดต้องมีขนาดคงที่ ดังรูป

รูปที่ 2.6 ตัวอย่างสัญลักษณ์
เส้นศูนย์ชิ้นงาน
จากรูปจะเห็นได้ว่า ผู้ออกแบบยึดขนาด Punch เป็นหลัก คือขนาดชิ้นงานจะเท่ากับขนาด Punch
และต้องลดขนาด Die ลงตามความหนาของชิ้นงาน
(4) หลักการ Offset ขนาดชิ้นขนาดให้เป็นขนาด Punch
หรือ Die ตามเส้นศูนย์ กำหนด
ว่าให้พั้นหรือ ดาย คงที่
ถ้าให้พั้นคงที่ก็ลดขนาดที่ ดาย หรือถ้าดายคงที่ก็ต้องลดขนาด พั้น
ตามความหนาชิ้นงานเปลี่ยน ขนาดจาก เป็น Upper
หรือ Lower ซึ่งหลัการที่สำคัญควรคำนึงถึงคือ
4.1 ผู้ออกแบบต้องเข้าใจ ข้อแตกต่างและความหมายของ Punch หมายถึงแม่พิมพ์ตัวผู้
และ Die หมายถึงแม่พิมพ์ตัวเมีย จะใกล้เคียงกับ Upper Punch หมายถึงแม่พิมพ์ตัวผู้ที่อยู่ด้านบน กับ Upper Die
หมายถึงแม่พิมพ์ตัวเมียที่อยู่ด้านบนกรณีทำแม่พิมพ์พลิกกลับด้าน Invert
Die และส่วน Lower Punch และ Lower Die ก็มีความหมายตรงข้ามกัน
4.2 ถ้าเส้นศูนย์ อยู่ที่ Punch แสดงว่าขนาดชิ้นงานเท่ากับ Punch เมื่อทำโปรแกรมจะต้องลบค่าที่ Die ไม่ว่าจะอยู่บนหรือล่าง แต่ถ้าเสนกำหนดขนาดในสัญลักษณะเท่ากับเส้น
Die แสดงว่าขนาดชิ้นงานเท่ากับ Die
หรือ Die คงที่ และต้องไปลดขนาดที่พั้น ไม่ว่าจะเป็น
Upper หรือ Lower
ก็ตาม ในเวลาทำขนาดผิวหน้าแม่พิมพ์เพื่อนำผิวไปสู่กระบวณการ CAM
(Computer Aids Manufacturing) อย่างถูกต้องดังรูป

รูปที่ 2.7 ตัวอย่างการ Offset ความหนาจากระดับเส้นศูนย์ชิ้นงาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น