2.1. การนำเข้าและเขียนแบบ Part
Drawing จาก CAD Data
การออกแบบแม่พิมพ์และการสร้างแม่พิมพ์จะต้องเริ่มต้นที่แบบชิ้นงาน Part drawing ก่อนว่ามีรูปร่างอย่างไรซึ่งผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ให้มาซึ่งอาจจะอยู่ในรูปแบบ
Data หรือ ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบแผ่นกระดาษแบบงาน หรือ สื่ออิเล็คทรอนิคส์ต่าง ๆ ที่จำเป็นเช่น
1.
Part Drawing
หมายถึง แบบชิ้นงานที่เขยีนอยู่ในรูปแบบงานทีเป็นกระดาษ A0-A4 ตามมาตรฐานขนาดกระดาษ
ซึ่งปัจจุบันบางบริษัทก็ไม่ใช้แล้วหมายถึงส่งแบบเป็น CAD
Data แทน
2. CAD Data หมายถึง แบบชิ้นงานที่อยู่ในรูป File คอมพิวเตอร์ หรือ ข้อมูลต่าง
ๆ ของชิ้นส่วนที่อยู่ในรูปของสื่ออิเลคทรอนิกส์ ซึ่งสะดวกกว่า Part
Drawing ที่ผลิตสามารถแปลงเป็นข้อมูลผลิตได้โดยไม่ต้องเขียนขึ้นใหม่
3.
Modeling Data หมายถึง รูปร่างชิ้นงานที่เป็นพื้นผิว
(Surface) หรือวัตถุทรงตัน (Solid)สร้างจาก CAD
Data

รูปที่ 2.2
ตัวอย่าง Modeling
Data
4.
NC DATA
(Numerical Control Data) หมายถึงข้อมูลต่าง ๆ
ที่ใช้บังคับเครื่องจักรที่ควบคุมด้วยเครื่อง Computer ทำงาน ที่แปลงจากพื้นผิว (Surface) มาเป็นเส้นทางเดินมีดตัด (Tool
path)
5.
Sample Part หรือตัวอย่างชิ้นงานที่ลูกค้ามีหรือเคยการทำการขึ้นรูปมาแล้ว
กรณีบางครั้งมีการทำแม่พิมพ์ชิ้นงานทีเคยทำมาแล้วก็จะมีชิ้นงานตัวอย่างให้ดูด้วย
ดังรูป

รูปที่ 2.3
ตัวอย่าง Sample Part
นักออกแบบต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประกอบในการออกแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ที่นิยมและสะดวกมากคือส่งมาเป็น CAD Data แล้วนำมาแปลงเป็น แบบชิ้นงานผลิต Part Drawing
มีขั้นตอนวิธีการปฏิบัติดังนี้
(1) ศึกษาข้อมูลและรายละเอียดประกอบ
การศึกษาและทำความเข้าใจข้อมูลต่าง
ๆ ที่เกี่ยวกับงานถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญก่อนออกแบบเพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดตามมาซึ่งข้อมูลที่สำคัญต้องศึกษาและตรวจสอบมีดังนี้
1.1
วัสดุที่ใช้ผลิตชิ้นงานเป็นวัสดุอะไร เพื่อนำไปหาค่าต่างๆ ประกอบการออกแบบแม่พิมพ์ เช่น
รหัส คุณสมบัติ ส่วนผสม ค่าความแข็งแรง การสปริงแบ็ค
ฯลฯ
1.2
ความหนาของชิ้นงาน(T)
1.3
จำนวนการผลิต
1.4
การใช้งาน
1.5
ข้อมูลเครื่อง Press
และ Cushion
1.6
ตำแหน่งประกอบ
(2). ตรวจสอบข้อมูล
การ ตรวจสอบข้อมูลจะตรวจที่
CAD Data กับ Part Drawing
ว่ารูปร่างและตำแหน่งของ ชิ้นงานตรงกันหรือไม่เช่น
2.1
ตำแหน่งรู
2.2
มุมหรือส่วนโค้ง
2.3
พิกัดความเผื่อและผิว
2.4
ตำแหน่งตรวจสอบ (Checking Point)
2.5
ขนาดตรวจสอบ (Data
Checking)
2.6
ตำแหน่งและ
ระนาบบังคับ ฯลฯ
(3). คัดลอกไฟล์
การคัดลอก หรือ Copy
file เป็นการจัดระบบและเตรียมข้อมูลชิ้นงานเพื่อที่จะเตรียมออกแบบและแจกจ่ายจะต้องจัดระบบการเรียกใช้และการตั้งชื่อให้เหมาะสม
หลังจากนำเข้า แก้ไข แล้วตั้งชื่อ
file ใหม่ โดยใช้ชื่อของ หมายเลขตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนด แล้วตามด้วยชื่อชิ้นส่วนของ แม่พิมพ์ เช่น 43001
LWR เพื่อให้ทราบว่า แบบงานชิ้นนี้เป็นอะไร มาจากบริษัทใด
ทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและการสื่อสาร
หรือปรับปรุงข้อมูล
(4). สร้างจุดอ้างอิง
1). ในกรณีที่แม่พิมพ์ 1
ตัว ต่อชิ้นงาน 1
ชิ้น ให้สร้างจุดอ้างอิง (Center) ของชิ้นงานใหม่ตาม Die lay out
Dwg. โดยไม่มีการย้ายรูปชิ้นงาน
2). ในกรณีที่แม่พิมพ์ 2 ตัว
ต่อชิ้นงาน ซ้าย-ขวา 2 ชิ้น ที่รูปร่างไม่เหมือนกัน ให้ปฏิบัติดังนี้
2.1 ใช้ชิ้นงานด้านใดด้านหนึ่ง เป็นหลัก
แล้วสร้างจุดอ้างอิง (Center)
ออกจาก ขอบชิ้นงานเล็กน้อย
แล้วทำการสะท้อนภาพ (Mirror)
ให้เป็นภาพชิ้นงานอีกรูป
ถ้ามีขนาดสัดส่วนเท่ากันก็ไม่ต้องแก้ไข
แต่ถ้าชิ้นงานด้ายซ้าย
ขวาไม่เหมือนกันต้องแก้ไขตามแบบ
2.2
เมื่อได้ชิ้นงานใหม่ ตาม Die layout
Dwg. ต้องไม่มีการย้ายรูป ชิ้นงานด้านใดด้านหนึ่งอีกจะทำให้ตำแหนงงานไม่สมดุลหรือมีผลต่อการวางขั้นตอนต่อไป หรือตำแหน่งแรงปั้มงานไม่สมดุล
3). หลังจากใช้คำสั่งนำเข้าหรือ ดึงข้อมูลของชิ้นงานมาเช่นด้านซ้าย (LH) เข้ามาอยู่ใน
File ของชิ้นงานด้านขวา (RH) ที่สร้างจุดอ้างอิง (Center) แล้วและจัดวางตำแหน่งของชิ้นงานด้านซ้าย (LH) ให้ตรงกับ
Die lay out
dwg
(5). ปรับแต่งผิวแบบงาน Surface
การปรับแต่งผิว Surface ต้องทำให้ได้ตาม Data
Check Sheet, Die Lay
Out
และ Die
design dwg ซึ่งการปรับแต่งผิวชิ้นงานมีหลักการดังนี้คือ
5.1 ปรับแต่งส่วนเกิน หรือผิวงานที่จาก CAD
Data อาจเกินมาเนื่องจากการแปรงหรือการใช้โปรแกรมคนละยี่ห้อกันทำให้มีความผิดพลาดหรือขนาดสัดส่วนเกินมา ต้องทำการตรวจสอบ และตัดหรือเข้าสมบูรณ์ก่อน
5.2 ปรับแต่งเส้นโครงสร้างที่เกิดจากการส่งหรือแปลงข้อมูลทำให้เส้นไม่เป็นไปในทิศทางที่การหรือเกิดรอยต่อที่ไม่สมบูรณ์คือเกิดเส้นทับซ้อนกันหรือเส้นรอยต่อไม่สนิทกัน
ต้องทำการลบหรือตัดออกก่อนแล้วจึงสร้างหรือดัดแปรงใหม่ให้สมบูรณ์ ดังรูป

รูปที่ 2.4
ตัวอย่างแบบงานที่ต้องแก้ไขเนื่องจากเส้นไม่สมบูรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น